First-party data

[GA4] รวบรวมข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้ (gtag.js)

ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของเวอร์ชันเบต้าแบบเปิดและอาจมีการเปลี่ยนแปลง

คำสั่งเหล่านี้มีไว้สำหรับผู้ดูแลระบบและผู้แก้ไขที่เปิดใช้งานการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้ และต้องการเริ่มส่งข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้จากเว็บไซต์โดยใช้ gtag.js

Before you begin

You must turn on user-provided data collection in Google Analytics.

เลือกวิธีระบุข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้

  1. ในส่วนผู้ดูแลระบบ ให้คลิกสตรีมข้อมูลใต้การเก็บรวบรวมและการแก้ไขข้อมูล
    หมายเหตุ: ลิงก์ก่อนหน้าจะเปิดพร็อพเพอร์ตี้ Analytics ล่าสุดที่คุณเข้าถึง คุณต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google เพื่อเปิดพร็อพเพอร์ตี้ คุณเปลี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ได้โดยใช้ตัวเลือกพร็อพเพอร์ตี้ คุณต้องเป็นผู้แก้ไขหรืออยู่ในระดับสูงกว่านั้น ที่ระดับพร็อพเพอร์ตี้ถึง กำหนดการตั้งค่าข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้
  2. เลือกสตรีมข้อมูลเว็บที่ต้องการ
  3. คลิกกำหนดการตั้งค่าแท็ก > อนุญาตให้ใช้ความสามารถของข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้ ในส่วนแท็ก Google
  4. เปิดใช้อนุญาตให้ใช้ความสามารถของข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้
  5. เลือกวิธีระบุข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้อย่างน้อย 1 วิธีต่อไปนี้
    ตัวเลือก คำอธิบาย
    ตรวจหาข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้โดยอัตโนมัติ Google Analytics จะตรวจสอบหน้าเว็บเพื่อหาสตริงที่ตรงกับรูปแบบของอีเมล หมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่จะไม่รวมอยู่ในตัวเลือกนี้ เราขอแนะนำให้เพิ่มตัวเลือกด้วยตัวเลือกต่อไปนี้
    ระบุตัวเลือก CSS หรือตัวแปร JavaScript

    เลือกประเภทข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้ที่คุณต้องการรวบรวม เช่น อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ สำหรับข้อมูลแต่ละประเภท ให้เลือกวิธีระบุข้อมูลในหน้า ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือก CSS หรือตัวแปร JavaScript ร่วม ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกนี้

    วิธีนี้แม่นยำกว่าการตรวจหาข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้โดยอัตโนมัติ แต่ไม่น่าเชื่อถือเท่ากับการเพิ่มข้อมูลโค้ดลงในเว็บไซต์ หากคุณเปลี่ยนโค้ดของเว็บไซต์บ่อยๆ โดยเฉพาะการจัดรูปแบบหรือตัวเลือก CSS ในหน้าคอลเล็กชัน อาจลองเพิ่มข้อมูลโค้ดลงในเว็บไซต์

    เพิ่มข้อมูลโค้ดลงในเว็บไซต์ของคุณ เพิ่มโค้ด JavaScript ลงในหน้าเว็บเพื่อรวบรวมอีเมล หมายเลขโทรศัพท์ และ/หรือชื่อและที่อยู่ จากนั้นตั้งค่าพารามิเตอร์ user_data สำหรับแต่ละเหตุการณ์ในหน้าเว็บ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกนี้
  6. คลิกบันทึก

ช่องที่จะต้องตั้งค่า

ตารางต่อไปนี้อธิบายแต่ละช่องที่คุณตั้งค่าได้ ชื่อคีย์จะแสดงวิธีที่คุณจะต้องอ้างอิงช่องในโค้ด คุณต้องส่งข้อมูลเป็นประเภทสตริง เมื่อระบุชื่อและที่อยู่ โปรดตรวจสอบว่าได้ระบุแต่ละองค์ประกอบเป็นตัวแปรแต่ละรายการ (เช่น ชื่อ นามสกุล และอื่นๆ)

หมายเหตุ: หากต้องการส่งข้อมูลที่ไม่ได้แฮชและอนุญาตให้ Google ทําให้เป็นมาตรฐานและแฮชข้อมูล ให้ใช้ชื่อคีย์แรกสําหรับช่องข้อมูลแต่ละช่อง เช่น อีเมลในช่องข้อมูลอีเมลด้านล่าง หากต้องการส่งข้อมูลที่แฮช ให้ใช้ชื่อคีย์ที่ขึ้นต้นด้วย sha256_

ช่องข้อมูล ชื่อคีย์ คำอธิบาย
อีเมล email

อีเมลผู้ใช้

เช่น ‘jdoe@example.com’

sha256_email_address

อีเมลผู้ใช้ที่แฮช

ตัวอย่าง

‘a8af8341993604f29cd4e0e5a5a4b5d48c575436c38b28abbfd7d481f345d5db’

หมายเลขโทรศัพท์ phone_number

หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ ต้องอยู่ในรูปแบบ E.164 ซึ่งหมายความว่าต้องเป็นตัวเลข 11-15 หลัก โดยมีเครื่องหมายบวก (+) นําหน้าและรหัสประเทศที่ไม่มีขีดกลางยาว วงเล็บ หรือเว้นวรรค

ตัวอย่าง ‘+11231234567’

sha256_phone_number

หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ที่แฮช

ตัวอย่าง

‘e9d3eef677f9a3b19820f92696be53d646ac4cea500e5f8fd08b00bc6ac773b1’

ชื่อ address.first_name

ชื่อจริงของผู้ใช้

ตัวอย่าง "สมชาย"

address.sha256_first_name

ชื่อผู้ใช้ที่แฮช

ตัวอย่าง

‘96d9632f363564cc3032521409cf22a852f2032eec099ed5967c0d000cec607a’

นามสกุล address.last_name

นามสกุลของผู้ใช้

ตัวอย่าง "สกุลดี"

address.sha256_last_name

นามสกุลของผู้ใช้ที่แฮช

ตัวอย่าง

‘799ef92a11af918e3fb741df42934f3b568ed2d93ac1df74f1b8d41a27932a6f’

ที่อยู่ address.street ที่อยู่ของผู้ใช้ เช่น "123 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่"
เมือง address.city ชื่อเมืองของผู้ใช้ เช่น "พัทยา"
ภูมิภาค address.region จังหวัด รัฐ หรือภูมิภาคของผู้ใช้ เช่น "แม่ฮ่องสอน"
รหัสไปรษณีย์ address.postal_code รหัสไปรษณีย์ของผู้ใช้ เช่น 'SO99 9XX'
ประเทศ address.country รหัสประเทศของผู้ใช้ เช่น "TH" ใช้รหัสประเทศ 2 ตัวอักษรตามมาตรฐาน ISO 3166-1 alpha-2

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร
false
ค้นหา
ล้างการค้นหา
ปิดการค้นหา
แอป Google
เมนูหลัก
3717189448252777854
true
ค้นหาศูนย์ช่วยเหลือ
false
true
true
true
true
true
69256
false
false
false
false