|
1 | | -# Developer console |
| 1 | +# คอนโซลนักพัฒนา (Developer console) |
2 | 2 |
|
3 | | -โค้ดที่เขียนมักจะมาพร้อมข้อผิดพลาด และเหล่านักพัฒนามักจะทำเรื่องนี้อยู่เป็นนิจ |
| 3 | +โค้ดมีความเสี่ยงต่อข้อผิดพลาดอยู่เสมอ คุณจะมักจะทำความผิดได้ง่าย... โอ้ว โอ๊ะ ฉันพูดอะไรอยู่น่ะ? แน่ๆว่าคุณจะทำข้อผิดพลาด เฉพาะถ้าคุณเป็นมนุษย์ ไม่ใช่[หุ่นยนต์](https://en.wikipedia.org/wiki/Bender_(Futurama))นั่นแหละ |
4 | 4 |
|
5 | | -แต่ในเบราเซอร์ ผู้ใช้งานจะไม่เห็นความผิดพลาด ที่เหล่านักพัฒนาทำไว้ ดังนั้นหากสคริปต์ที่เราเขียนมีข้อผิดพลาด เราจะไม่รู้และแก้ไขมันได้เลย |
| 5 | +ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดในสคริปต์ ค่าเริ่มต้นของระบบจะไม่แสดงข้อผิดพลาดให้ผู้ใช้เห็น ดังนั้นเราจึงไม่สามารถรู้ว่ามีอะไรผิดพลาดและไม่สามารถแก้ไขได้ |
6 | 6 |
|
7 | | -เพื่อย้อนไปดูว่าเราพลาดอะไรไป "เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา (developer tools)" จึงติดมากับเบราเซอร์ด้วย |
| 7 | +เพื่อเห็นข้อผิดพลาดและรับข้อมูลอื่นๆ ที่มีประโยชน์เกี่ยวกับสคริปต์ บางเบราว์เซอร์ได้รวม "เครื่องมือนักพัฒนา" (developer tools) ไว้ในตัวเพื่อให้นักพัฒนาสามารถดูข้อมูลต่างๆ ได้ |
8 | 8 |
|
9 | | -นักพัฒนาส่วนใหญ่มักจะใช้ Chrome และ Firefox นั่นก็เพราะว่าทั้งสองตัวมี เครื่องมือสำหรับการพัฒนาที่ดีที่สุดในตลาด โดยปกตินักพัฒนามักเลือกใช้เบราเซอร์เพียงตัวเดียวในการพัฒนา แต่จะใช้เบราเซอร์อื่นร่วมด้วย แต่หลังจากที่ปัญหาเกิดแล้ว เช่น โค้ดที่เขียนไม่ซัพพอร์ตใน IE |
| 9 | +เนื่องจากเบราว์เซอร์ Chrome และ Firefox มีเครื่องมือนักพัฒนาที่ดีที่สุด ส่วนใหญ่นักพัฒนาโปรแกรมมักใช้เบราว์เซอร์เหล่านี้เป็นหลักในการพัฒนา ในขณะเดียวกันเบราว์เซอร์อื่นๆ ก็มีเครื่องมือนักพัฒนาบางส่วนจะมีคุณสมบัติพิเศษ แต่ยังอยู่ในช่วง "ดันฟีเจอร์" ตาม Chrome และ Firefox ดังนั้นส่วนใหญ่นักพัฒนาโปรแกรมมักใช้เบราว์เซอร์ที่ชื่นชอบเป็นหลักและสลับกันใช้เบราว์เซอร์อื่นๆ หากพบปัญหาที่เกี่ยวกับเบราว์เซอร์นั้นๆ |
10 | 10 |
|
11 | | -เครื่องมือสำหรับนักพัฒนามีศักยภาพ พวกเขามีคุณสมบัติมากมาย เริ่มแรก เราจะสอนวิธีเปิด ดูข้อผิดพลาด และเรียกใช้คำสั่ง JavaScript กัน |
| 11 | +เครื่องมือนักพัฒนามีความสามารถมากมาย ตั้งแต่การตรวจสอบข้อผิดพลาด จนถึงการรันคำสั่ง JavaScript อย่างไรก็ตามเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้วิธีการเปิดเครื่องมือนักพัฒนา ดูข้อผิดพลาดและรันคำสั่ง JavaScript กันก่อนนะ |
12 | 12 |
|
13 | 13 | ## Google Chrome |
14 | 14 |
|
15 | | -ลองเปิดหน้า [bug.html](bug.html). |
| 15 | +เปิดหน้าเว็บไซต์ [bug.html](bug.html) |
16 | 16 |
|
17 | | -เปิด developer tools ดู จะเห็นว่ามี error ในโค้ดจาวาสคริปต์ แต่ผู้ใช้จะมองไม่เห็น |
| 17 | +มีข้อผิดพลาดในโค้ด JavaScript บนหน้านี้ แต่มันถูกซ่อนอยู่จากสายตาของผู้เข้าชมทั่วไป ดังนั้นเราจะเปิดเครื่องมือนักพัฒนาเพื่อดูมัน |
18 | 18 |
|
19 | | -กด `F12` บน Windows หรือ `Cmd+Opt+J` บน Mac |
| 19 | +กรุณากด `key:F12` หรือถ้าคุณใช้ Mac ก็ให้กด `key:Cmd+Opt+J` |
20 | 20 |
|
21 | | -developer tools จะเปิดหน้า console ขึ้นมาโดย default |
| 21 | +เครื่องมือนักพัฒนาจะเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติที่แท็บ Console |
22 | 22 |
|
23 | | -หน้าตาจะคล้ายๆแบบนี้ |
| 23 | +ใน Console จะมีลักษณะที่คล้ายกันแบบด้านล่างเลย |
24 | 24 |
|
25 | 25 |  |
26 | 26 |
|
27 | | -หน้าตาตัว developer tools จะเปลี่ยนไปตามเวอร์ชั่น ถึงหน้าตาที่เปิดออกมาจะไม่เป๊ะเว่อร์ แต่เค้าโครงจะคล้ายๆกัน |
| 27 | +รูปแบบและลักษณะของเครื่องมือนักพัฒนาจะเปลี่ยนไปตามเวอร์ชันของ Chrome ที่ใช้งานอยู่ แต่ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเดียวกัน |
28 | 28 |
|
29 | | -- ลองมองไปที่ console จะเห็นว่ามี error ที่เป็นแถบและตัวอักษรสีแดงอยู่ นั่นเพราะว่าเบราเซอร์ไม่รู้จักคำสั่ง "lalala" |
30 | | -- ซ้ายมือของแถบ จะเห็นว่ามีการบอกบรรทัดที่ error นี้เกิดขึ้น |
| 29 | +- นี่คือข้อความแสดงความผิดพลาดที่มีสีแดงอยู่ ในกรณีนี้สคริปต์มีคำสั่ง "lalala" ซึ่งไม่รู้จัก จึงทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น |
| 30 | +- ทางด้านขวามือมีลิงก์ที่สามารถคลิกเพื่อเข้าไปดูแหล่งที่มาเพิ่มเติม `bug.html:12` และแสดงหมายเลขบรรทัดที่เกิดข้อผิดพลาด |
31 | 31 |
|
32 | | -ข้างล่างข้อความ error จะสังเกตเห็นว่ามีลูกศรสีน้ำเงินอยู่ ตัวมันเองแทน "command line" เราสามารถพิมพ์จาวาสคริปต์ลงไป แล้วกด `enter` เพื่อสั่งโค้ดทำงาน หรือ `shift-enter` เพื่อพิมพ์โค้ดหลายบรรทัดแทน |
| 32 | +ด้านล่างข้อความแสดงความผิดพลาดจะมีสัญลักษณ์สีน้ำเงิน `>` แสดงถึง "command line" ที่เราสามารถพิมพ์คำสั่ง JavaScript ลงไปได้ กดปุ่ม `key:Enter` เพื่อรันคำสั่งนั้น ๆ นะ ในกรณีนี้เราจะพิมพ์ `alert("Hello")` แล้วกดปุ่ม `key:Enter` ดู |
33 | 33 |
|
34 | | -เมื่อเราเปิดมาพบข้อผิดพลาด นั่นก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว เราจะกลับมาพูดรายละเอียดในเชิงเกี่ยวกับเครื่องมือนักพัฒนา และการดีบักกันต่อในบท <info:debugging-chrome> |
| 34 | +ตอนนี้เราได้เห็นข้อผิดพลาดแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เพียงพอต่อการเริ่มต้น ในบทต่อไปเราจะกลับมาใช้เครื่องมือนักพัฒนากันอีกครั้งและพูดถึงการดีบักขั้นสูงกว่านี้ในบทเรียน <info:debugging-chrome> ต่อไป |
35 | 35 |
|
36 | | -## Firefox, Edge, และเบราเซอร์ตัวอื่นๆ |
37 | | -```smart header="ป้อนคำสั่งหลายบรรทัด" |
38 | | -เมื่อเราพิมพ์โค้ดจาวาสคริปต์ลงไปในหน้าคอนโซล เมื่อกด `key:Enter` โค้ดชุดนั้นก็จะทำงาน |
| 36 | +```smart header="การพิมพ์หลายบรรทัด" |
| 37 | +โดยปกติเมื่อเราพิมพ์โค้ดลงในคอนโซล แล้วกดปุ่ม `key:Enter` โค้ดนั้นจะถูกรันทันที |
39 | 38 |
|
40 | | -เมื่อจะป้อนโค้ดหลายบรรทัด, ให้กดปุ่ม `key:Shift+Enter` จะช่วยให้เราสามารถพิมพ์โค้ดหลายบรรทัดได้ |
| 39 | +หากต้องการแทรกหลายบรรทัด สามารถกดปุ่ม `key:Shift+Enter` เพื่อใส่บรรทัดใหม่ได้ นั่นเป็นวิธีที่จะช่วยให้สามารถใส่โค้ด JavaScript ได้ยาวๆ ได้อย่างสะดวก และสามารถเลื่อนไปแก้ไขบรรทัดอื่นได้ |
41 | 40 | ``` |
42 | 41 |
|
43 | | -นักพัฒนาส่วนใหญ่ใช้ `F12` เพื่อเปิดหน้า console |
| 42 | +## Firefox, Edge และเบราว์เซอร์อื่น ๆ |
44 | 43 |
|
45 | | -developer tools มักจะคล้ายๆกันไม่ว่าจะต่างเวอร์ชั่น ต่างเบราเซอร์ หากเชี่ยวชาญเพียงหนึ่ง ก็ใช้ตัวอื่นได้สูสีกัน |
| 44 | +เบราว์เซอร์อื่น ๆ ส่วนใหญ่ใช้ปุ่ม `key:F12` เพื่อเปิดเครื่องมือนักพัฒนา แต่ในบางเบราว์เซอร์อาจจะใช้ปุ่ม `key:Ctrl+Shift+I` แทน |
| 45 | + |
| 46 | +การใช้งานเครื่องมือนักพัฒนาในเบราว์เซอร์ต่าง ๆ มีลักษณะที่คล้ายกันมาก หากเรารู้วิธีการใช้เครื่องมือนักพัฒนาในเบราว์เซอร์หนึ่งแล้ว (เช่น Google Chrome) ก็สามารถสลับไปใช้งานในเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย |
46 | 47 |
|
47 | 48 | ## Safari |
48 | 49 |
|
49 | | -Safari (เบราเซอร์ของผู้ใช้ Mac) ตัวนี้จะมาพร้อมความไม่เหมือนใคร โดยเราต้องไปเปิด "Develop menu" ก่อน |
| 50 | +เบราว์เซอร์ Safari บน Mac นั้นมีความแตกต่างไปในเรื่องนี้ โดยเราต้องเปิดใช้เมนู "Develop" ก่อนถึงจะสามารถใช้งานเครื่องมือนักพัฒนาได้ |
50 | 51 |
|
51 | | -เปิดหน้า "Preferences" ไปที่ "Advanced" และติ๊ก checkbox ด้านล่าง |
| 52 | +เปิดหน้าต่าง Preferences แล้วไปที่แท็บ "Advanced" มีช่องทำเครื่องหมายถูกด้านล่าง: |
52 | 53 |
|
53 | 54 |  |
54 | 55 |
|
55 | | -ทีนี้กด `Cmd+Opt+C` หน้า console จะปรากฎขึ้น แถมเมนูด้านบน ยังปรากฎแถบ "Develop" เมื่อคลิกก็จะมีคำสั่งหลากหลายให้เลือกใช้ |
| 56 | +จากนั้นกดปุ่ม `key:Cmd+Opt+C` เพื่อเปิดหรือปิดคอนโซลได้ โดยเพิ่มเติมว่าจะมีเมนูที่ชื่อ "Develop" ปรากฎขึ้นมาด้านบนของหน้าต่าง Safari ซึ่งเมนูนี้จะปรากฏขึ้นมาหลังจากเราเปิดใช้งานเมนู "Develop" โดยมีคำสั่งและตัวเลือกต่างๆ อีกมากมาย |
56 | 57 |
|
57 | 58 | ## สรุป |
58 | 59 |
|
59 | | -- Developer tools ช่วยให้เห็น error, สั่งโค้ดทำงาน, ตรวจค่าตัวแปร และอื่นๆ |
60 | | -- เปิดโดยกด `F12` สำหรับเบราเซอร์ส่วนใหญ่บน Windows แต่ Chrome บน Mac จะใช้ `Cmd+Opt+J` Safari จะเป็น `Cmd+Opt+C` อย่าลืมไปเปิดโหมดนักพัฒนาบน Safari ก่อน |
| 60 | +- เครื่องมือนักพัฒนาช่วยให้เราสามารถเห็นข้อผิดพลาด รันคำสั่ง ตรวจสอบตัวแปร และอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย |
| 61 | +- เราสามารถเปิดเครื่องมือนักพัฒนาโดยใช้ปุ่ม `key:F12` บนเบราว์เซอร์ในระบบปฏิบัติการ Windows สำหรับ Chrome บน Mac ต้องใช้ปุ่ม `key:Cmd+Opt+J` สำหรับ Safari ต้องเปิดใช้งานก่อน และใช้ปุ่ม `key:Cmd+Opt+C` |
61 | 62 |
|
62 | | -ทีนี้ปูพื้นเรื่อง environment กันมาสักพักแล้ว ก็พร้อมที่จาวาสคริปต์ออกโรง |
| 63 | +ตอนนี้เราได้เตรียมสภาพแวดล้อมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ในส่วนต่อไปเราจะเริ่มต้นเขียน JavaScript กัน |
0 commit comments