Skip to content

Commit 753ae49

Browse files
authored
Merge pull request #114 from javascript-tutorial/developer_console
Developer console
2 parents 8581bbe + 06670f0 commit 753ae49

File tree

1 file changed

+29
-28
lines changed

1 file changed

+29
-28
lines changed
Lines changed: 29 additions & 28 deletions
Original file line numberDiff line numberDiff line change
@@ -1,62 +1,63 @@
1-
# Developer console
1+
# คอนโซลนักพัฒนา (Developer console)
22

3-
โค้ดที่เขียนมักจะมาพร้อมข้อผิดพลาด และเหล่านักพัฒนามักจะทำเรื่องนี้อยู่เป็นนิจ
3+
โค้ดมีความเสี่ยงต่อข้อผิดพลาดอยู่เสมอ คุณจะมักจะทำความผิดได้ง่าย... โอ้ว โอ๊ะ ฉันพูดอะไรอยู่น่ะ? แน่ๆว่าคุณจะทำข้อผิดพลาด เฉพาะถ้าคุณเป็นมนุษย์ ไม่ใช่[หุ่นยนต์](https://en.wikipedia.org/wiki/Bender_(Futurama))นั่นแหละ
44

5-
แต่ในเบราเซอร์ ผู้ใช้งานจะไม่เห็นความผิดพลาด ที่เหล่านักพัฒนาทำไว้ ดังนั้นหากสคริปต์ที่เราเขียนมีข้อผิดพลาด เราจะไม่รู้และแก้ไขมันได้เลย
5+
ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดในสคริปต์ ค่าเริ่มต้นของระบบจะไม่แสดงข้อผิดพลาดให้ผู้ใช้เห็น ดังนั้นเราจึงไม่สามารถรู้ว่ามีอะไรผิดพลาดและไม่สามารถแก้ไขได้
66

7-
เพื่อย้อนไปดูว่าเราพลาดอะไรไป "เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา (developer tools)" จึงติดมากับเบราเซอร์ด้วย
7+
เพื่อเห็นข้อผิดพลาดและรับข้อมูลอื่นๆ ที่มีประโยชน์เกี่ยวกับสคริปต์ บางเบราว์เซอร์ได้รวม "เครื่องมือนักพัฒนา" (developer tools) ไว้ในตัวเพื่อให้นักพัฒนาสามารถดูข้อมูลต่างๆ ได้
88

9-
นักพัฒนาส่วนใหญ่มักจะใช้ Chrome และ Firefox นั่นก็เพราะว่าทั้งสองตัวมี เครื่องมือสำหรับการพัฒนาที่ดีที่สุดในตลาด โดยปกตินักพัฒนามักเลือกใช้เบราเซอร์เพียงตัวเดียวในการพัฒนา แต่จะใช้เบราเซอร์อื่นร่วมด้วย แต่หลังจากที่ปัญหาเกิดแล้ว เช่น โค้ดที่เขียนไม่ซัพพอร์ตใน IE
9+
เนื่องจากเบราว์เซอร์ Chrome และ Firefox มีเครื่องมือนักพัฒนาที่ดีที่สุด ส่วนใหญ่นักพัฒนาโปรแกรมมักใช้เบราว์เซอร์เหล่านี้เป็นหลักในการพัฒนา ในขณะเดียวกันเบราว์เซอร์อื่นๆ ก็มีเครื่องมือนักพัฒนาบางส่วนจะมีคุณสมบัติพิเศษ แต่ยังอยู่ในช่วง "ดันฟีเจอร์" ตาม Chrome และ Firefox ดังนั้นส่วนใหญ่นักพัฒนาโปรแกรมมักใช้เบราว์เซอร์ที่ชื่นชอบเป็นหลักและสลับกันใช้เบราว์เซอร์อื่นๆ หากพบปัญหาที่เกี่ยวกับเบราว์เซอร์นั้นๆ
1010

11-
เครื่องมือสำหรับนักพัฒนามีศักยภาพ พวกเขามีคุณสมบัติมากมาย เริ่มแรก เราจะสอนวิธีเปิด ดูข้อผิดพลาด และเรียกใช้คำสั่ง JavaScript กัน
11+
เครื่องมือนักพัฒนามีความสามารถมากมาย ตั้งแต่การตรวจสอบข้อผิดพลาด จนถึงการรันคำสั่ง JavaScript อย่างไรก็ตามเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้วิธีการเปิดเครื่องมือนักพัฒนา ดูข้อผิดพลาดและรันคำสั่ง JavaScript กันก่อนนะ
1212

1313
## Google Chrome
1414

15-
ลองเปิดหน้า [bug.html](bug.html).
15+
เปิดหน้าเว็บไซต์ [bug.html](bug.html)
1616

17-
เปิด developer tools ดู จะเห็นว่ามี error ในโค้ดจาวาสคริปต์ แต่ผู้ใช้จะมองไม่เห็น
17+
มีข้อผิดพลาดในโค้ด JavaScript บนหน้านี้ แต่มันถูกซ่อนอยู่จากสายตาของผู้เข้าชมทั่วไป ดังนั้นเราจะเปิดเครื่องมือนักพัฒนาเพื่อดูมัน
1818

19-
กด `F12` บน Windows หรือ `Cmd+Opt+J` บน Mac
19+
กรุณากด `key:F12` หรือถ้าคุณใช้ Mac ก็ให้กด `key:Cmd+Opt+J`
2020

21-
developer tools จะเปิดหน้า console ขึ้นมาโดย default
21+
เครื่องมือนักพัฒนาจะเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติที่แท็บ Console
2222

23-
หน้าตาจะคล้ายๆแบบนี้
23+
ใน Console จะมีลักษณะที่คล้ายกันแบบด้านล่างเลย
2424

2525
![chrome](chrome.png)
2626

27-
หน้าตาตัว developer tools จะเปลี่ยนไปตามเวอร์ชั่น ถึงหน้าตาที่เปิดออกมาจะไม่เป๊ะเว่อร์ แต่เค้าโครงจะคล้ายๆกัน
27+
รูปแบบและลักษณะของเครื่องมือนักพัฒนาจะเปลี่ยนไปตามเวอร์ชันของ Chrome ที่ใช้งานอยู่ แต่ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเดียวกัน
2828

29-
- ลองมองไปที่ console จะเห็นว่ามี error ที่เป็นแถบและตัวอักษรสีแดงอยู่ นั่นเพราะว่าเบราเซอร์ไม่รู้จักคำสั่ง "lalala"
30-
- ซ้ายมือของแถบ จะเห็นว่ามีการบอกบรรทัดที่ error นี้เกิดขึ้น
29+
- นี่คือข้อความแสดงความผิดพลาดที่มีสีแดงอยู่ ในกรณีนี้สคริปต์มีคำสั่ง "lalala" ซึ่งไม่รู้จัก จึงทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น
30+
- ทางด้านขวามือมีลิงก์ที่สามารถคลิกเพื่อเข้าไปดูแหล่งที่มาเพิ่มเติม `bug.html:12` และแสดงหมายเลขบรรทัดที่เกิดข้อผิดพลาด
3131

32-
ข้างล่างข้อความ error จะสังเกตเห็นว่ามีลูกศรสีน้ำเงินอยู่ ตัวมันเองแทน "command line" เราสามารถพิมพ์จาวาสคริปต์ลงไป แล้วกด `enter` เพื่อสั่งโค้ดทำงาน หรือ `shift-enter` เพื่อพิมพ์โค้ดหลายบรรทัดแทน
32+
ด้านล่างข้อความแสดงความผิดพลาดจะมีสัญลักษณ์สีน้ำเงิน `>` แสดงถึง "command line" ที่เราสามารถพิมพ์คำสั่ง JavaScript ลงไปได้ กดปุ่ม `key:Enter` เพื่อรันคำสั่งนั้น ๆ นะ ในกรณีนี้เราจะพิมพ์ `alert("Hello")` แล้วกดปุ่ม `key:Enter` ดู
3333

34-
เมื่อเราเปิดมาพบข้อผิดพลาด นั่นก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว เราจะกลับมาพูดรายละเอียดในเชิงเกี่ยวกับเครื่องมือนักพัฒนา และการดีบักกันต่อในบท <info:debugging-chrome>
34+
ตอนนี้เราได้เห็นข้อผิดพลาดแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เพียงพอต่อการเริ่มต้น ในบทต่อไปเราจะกลับมาใช้เครื่องมือนักพัฒนากันอีกครั้งและพูดถึงการดีบักขั้นสูงกว่านี้ในบทเรียน <info:debugging-chrome> ต่อไป
3535

36-
## Firefox, Edge, และเบราเซอร์ตัวอื่นๆ
37-
```smart header="ป้อนคำสั่งหลายบรรทัด"
38-
เมื่อเราพิมพ์โค้ดจาวาสคริปต์ลงไปในหน้าคอนโซล เมื่อกด `key:Enter` โค้ดชุดนั้นก็จะทำงาน
36+
```smart header="การพิมพ์หลายบรรทัด"
37+
โดยปกติเมื่อเราพิมพ์โค้ดลงในคอนโซล แล้วกดปุ่ม `key:Enter` โค้ดนั้นจะถูกรันทันที
3938
40-
เมื่อจะป้อนโค้ดหลายบรรทัด, ให้กดปุ่ม `key:Shift+Enter` จะช่วยให้เราสามารถพิมพ์โค้ดหลายบรรทัดได้
39+
หากต้องการแทรกหลายบรรทัด สามารถกดปุ่ม `key:Shift+Enter` เพื่อใส่บรรทัดใหม่ได้ นั่นเป็นวิธีที่จะช่วยให้สามารถใส่โค้ด JavaScript ได้ยาวๆ ได้อย่างสะดวก และสามารถเลื่อนไปแก้ไขบรรทัดอื่นได้
4140
```
4241

43-
นักพัฒนาส่วนใหญ่ใช้ `F12` เพื่อเปิดหน้า console
42+
## Firefox, Edge และเบราว์เซอร์อื่น ๆ
4443

45-
developer tools มักจะคล้ายๆกันไม่ว่าจะต่างเวอร์ชั่น ต่างเบราเซอร์ หากเชี่ยวชาญเพียงหนึ่ง ก็ใช้ตัวอื่นได้สูสีกัน
44+
เบราว์เซอร์อื่น ๆ ส่วนใหญ่ใช้ปุ่ม `key:F12` เพื่อเปิดเครื่องมือนักพัฒนา แต่ในบางเบราว์เซอร์อาจจะใช้ปุ่ม `key:Ctrl+Shift+I` แทน
45+
46+
การใช้งานเครื่องมือนักพัฒนาในเบราว์เซอร์ต่าง ๆ มีลักษณะที่คล้ายกันมาก หากเรารู้วิธีการใช้เครื่องมือนักพัฒนาในเบราว์เซอร์หนึ่งแล้ว (เช่น Google Chrome) ก็สามารถสลับไปใช้งานในเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย
4647

4748
## Safari
4849

49-
Safari (เบราเซอร์ของผู้ใช้ Mac) ตัวนี้จะมาพร้อมความไม่เหมือนใคร โดยเราต้องไปเปิด "Develop menu" ก่อน
50+
เบราว์เซอร์ Safari บน Mac นั้นมีความแตกต่างไปในเรื่องนี้ โดยเราต้องเปิดใช้เมนู "Develop" ก่อนถึงจะสามารถใช้งานเครื่องมือนักพัฒนาได้
5051

51-
เปิดหน้า "Preferences" ไปที่ "Advanced" และติ๊ก checkbox ด้านล่าง
52+
เปิดหน้าต่าง Preferences แล้วไปที่แท็บ "Advanced" มีช่องทำเครื่องหมายถูกด้านล่าง:
5253

5354
![safari](safari.png)
5455

55-
ทีนี้กด `Cmd+Opt+C` หน้า console จะปรากฎขึ้น แถมเมนูด้านบน ยังปรากฎแถบ "Develop" เมื่อคลิกก็จะมีคำสั่งหลากหลายให้เลือกใช้
56+
จากนั้นกดปุ่ม `key:Cmd+Opt+C` เพื่อเปิดหรือปิดคอนโซลได้ โดยเพิ่มเติมว่าจะมีเมนูที่ชื่อ "Develop" ปรากฎขึ้นมาด้านบนของหน้าต่าง Safari ซึ่งเมนูนี้จะปรากฏขึ้นมาหลังจากเราเปิดใช้งานเมนู "Develop" โดยมีคำสั่งและตัวเลือกต่างๆ อีกมากมาย
5657

5758
## สรุป
5859

59-
- Developer tools ช่วยให้เห็น error, สั่งโค้ดทำงาน, ตรวจค่าตัวแปร และอื่นๆ
60-
- เปิดโดยกด `F12` สำหรับเบราเซอร์ส่วนใหญ่บน Windows แต่ Chrome บน Mac จะใช้ `Cmd+Opt+J` Safari จะเป็น `Cmd+Opt+C` อย่าลืมไปเปิดโหมดนักพัฒนาบน Safari ก่อน
60+
- เครื่องมือนักพัฒนาช่วยให้เราสามารถเห็นข้อผิดพลาด รันคำสั่ง ตรวจสอบตัวแปร และอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย
61+
- เราสามารถเปิดเครื่องมือนักพัฒนาโดยใช้ปุ่ม `key:F12` บนเบราว์เซอร์ในระบบปฏิบัติการ Windows สำหรับ Chrome บน Mac ต้องใช้ปุ่ม `key:Cmd+Opt+J` สำหรับ Safari ต้องเปิดใช้งานก่อน และใช้ปุ่ม `key:Cmd+Opt+C`
6162

62-
ทีนี้ปูพื้นเรื่อง environment กันมาสักพักแล้ว ก็พร้อมที่จาวาสคริปต์ออกโรง
63+
ตอนนี้เราได้เตรียมสภาพแวดล้อมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ในส่วนต่อไปเราจะเริ่มต้นเขียน JavaScript กัน

0 commit comments

Comments
 (0)