From 06670f06842b4b46558ea32f381f9f071c05c939 Mon Sep 17 00:00:00 2001 From: Prasit Tongpradit Date: Mon, 13 Mar 2023 19:04:46 +0700 Subject: [PATCH] Revise developer console --- 1-js/01-getting-started/4-devtools/article.md | 57 ++++++++++--------- 1 file changed, 29 insertions(+), 28 deletions(-) diff --git a/1-js/01-getting-started/4-devtools/article.md b/1-js/01-getting-started/4-devtools/article.md index 788a33953..342819a2f 100644 --- a/1-js/01-getting-started/4-devtools/article.md +++ b/1-js/01-getting-started/4-devtools/article.md @@ -1,62 +1,63 @@ -# Developer console +# คอนโซลนักพัฒนา (Developer console) -โค้ดที่เขียนมักจะมาพร้อมข้อผิดพลาด และเหล่านักพัฒนามักจะทำเรื่องนี้อยู่เป็นนิจ +โค้ดมีความเสี่ยงต่อข้อผิดพลาดอยู่เสมอ คุณจะมักจะทำความผิดได้ง่าย... โอ้ว โอ๊ะ ฉันพูดอะไรอยู่น่ะ? แน่ๆว่าคุณจะทำข้อผิดพลาด เฉพาะถ้าคุณเป็นมนุษย์ ไม่ใช่[หุ่นยนต์](https://en.wikipedia.org/wiki/Bender_(Futurama))นั่นแหละ -แต่ในเบราเซอร์ ผู้ใช้งานจะไม่เห็นความผิดพลาด ที่เหล่านักพัฒนาทำไว้ ดังนั้นหากสคริปต์ที่เราเขียนมีข้อผิดพลาด เราจะไม่รู้และแก้ไขมันได้เลย +ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดในสคริปต์ ค่าเริ่มต้นของระบบจะไม่แสดงข้อผิดพลาดให้ผู้ใช้เห็น ดังนั้นเราจึงไม่สามารถรู้ว่ามีอะไรผิดพลาดและไม่สามารถแก้ไขได้ -เพื่อย้อนไปดูว่าเราพลาดอะไรไป "เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา (developer tools)" จึงติดมากับเบราเซอร์ด้วย +เพื่อเห็นข้อผิดพลาดและรับข้อมูลอื่นๆ ที่มีประโยชน์เกี่ยวกับสคริปต์ บางเบราว์เซอร์ได้รวม "เครื่องมือนักพัฒนา" (developer tools) ไว้ในตัวเพื่อให้นักพัฒนาสามารถดูข้อมูลต่างๆ ได้ -นักพัฒนาส่วนใหญ่มักจะใช้ Chrome และ Firefox นั่นก็เพราะว่าทั้งสองตัวมี เครื่องมือสำหรับการพัฒนาที่ดีที่สุดในตลาด โดยปกตินักพัฒนามักเลือกใช้เบราเซอร์เพียงตัวเดียวในการพัฒนา แต่จะใช้เบราเซอร์อื่นร่วมด้วย แต่หลังจากที่ปัญหาเกิดแล้ว เช่น โค้ดที่เขียนไม่ซัพพอร์ตใน IE +เนื่องจากเบราว์เซอร์ Chrome และ Firefox มีเครื่องมือนักพัฒนาที่ดีที่สุด ส่วนใหญ่นักพัฒนาโปรแกรมมักใช้เบราว์เซอร์เหล่านี้เป็นหลักในการพัฒนา ในขณะเดียวกันเบราว์เซอร์อื่นๆ ก็มีเครื่องมือนักพัฒนาบางส่วนจะมีคุณสมบัติพิเศษ แต่ยังอยู่ในช่วง "ดันฟีเจอร์" ตาม Chrome และ Firefox ดังนั้นส่วนใหญ่นักพัฒนาโปรแกรมมักใช้เบราว์เซอร์ที่ชื่นชอบเป็นหลักและสลับกันใช้เบราว์เซอร์อื่นๆ หากพบปัญหาที่เกี่ยวกับเบราว์เซอร์นั้นๆ -เครื่องมือสำหรับนักพัฒนามีศักยภาพ พวกเขามีคุณสมบัติมากมาย เริ่มแรก เราจะสอนวิธีเปิด ดูข้อผิดพลาด และเรียกใช้คำสั่ง JavaScript กัน +เครื่องมือนักพัฒนามีความสามารถมากมาย ตั้งแต่การตรวจสอบข้อผิดพลาด จนถึงการรันคำสั่ง JavaScript อย่างไรก็ตามเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้วิธีการเปิดเครื่องมือนักพัฒนา ดูข้อผิดพลาดและรันคำสั่ง JavaScript กันก่อนนะ ## Google Chrome -ลองเปิดหน้า [bug.html](bug.html). +เปิดหน้าเว็บไซต์ [bug.html](bug.html) -เปิด developer tools ดู จะเห็นว่ามี error ในโค้ดจาวาสคริปต์ แต่ผู้ใช้จะมองไม่เห็น +มีข้อผิดพลาดในโค้ด JavaScript บนหน้านี้ แต่มันถูกซ่อนอยู่จากสายตาของผู้เข้าชมทั่วไป ดังนั้นเราจะเปิดเครื่องมือนักพัฒนาเพื่อดูมัน -กด `F12` บน Windows หรือ `Cmd+Opt+J` บน Mac +กรุณากด `key:F12` หรือถ้าคุณใช้ Mac ก็ให้กด `key:Cmd+Opt+J` -developer tools จะเปิดหน้า console ขึ้นมาโดย default +เครื่องมือนักพัฒนาจะเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติที่แท็บ Console -หน้าตาจะคล้ายๆแบบนี้ +ใน Console จะมีลักษณะที่คล้ายกันแบบด้านล่างเลย ![chrome](chrome.png) -หน้าตาตัว developer tools จะเปลี่ยนไปตามเวอร์ชั่น ถึงหน้าตาที่เปิดออกมาจะไม่เป๊ะเว่อร์ แต่เค้าโครงจะคล้ายๆกัน +รูปแบบและลักษณะของเครื่องมือนักพัฒนาจะเปลี่ยนไปตามเวอร์ชันของ Chrome ที่ใช้งานอยู่ แต่ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเดียวกัน -- ลองมองไปที่ console จะเห็นว่ามี error ที่เป็นแถบและตัวอักษรสีแดงอยู่ นั่นเพราะว่าเบราเซอร์ไม่รู้จักคำสั่ง "lalala" -- ซ้ายมือของแถบ จะเห็นว่ามีการบอกบรรทัดที่ error นี้เกิดขึ้น +- นี่คือข้อความแสดงความผิดพลาดที่มีสีแดงอยู่ ในกรณีนี้สคริปต์มีคำสั่ง "lalala" ซึ่งไม่รู้จัก จึงทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น +- ทางด้านขวามือมีลิงก์ที่สามารถคลิกเพื่อเข้าไปดูแหล่งที่มาเพิ่มเติม `bug.html:12` และแสดงหมายเลขบรรทัดที่เกิดข้อผิดพลาด -ข้างล่างข้อความ error จะสังเกตเห็นว่ามีลูกศรสีน้ำเงินอยู่ ตัวมันเองแทน "command line" เราสามารถพิมพ์จาวาสคริปต์ลงไป แล้วกด `enter` เพื่อสั่งโค้ดทำงาน หรือ `shift-enter` เพื่อพิมพ์โค้ดหลายบรรทัดแทน +ด้านล่างข้อความแสดงความผิดพลาดจะมีสัญลักษณ์สีน้ำเงิน `>` แสดงถึง "command line" ที่เราสามารถพิมพ์คำสั่ง JavaScript ลงไปได้ กดปุ่ม `key:Enter` เพื่อรันคำสั่งนั้น ๆ นะ ในกรณีนี้เราจะพิมพ์ `alert("Hello")` แล้วกดปุ่ม `key:Enter` ดู -เมื่อเราเปิดมาพบข้อผิดพลาด นั่นก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว เราจะกลับมาพูดรายละเอียดในเชิงเกี่ยวกับเครื่องมือนักพัฒนา และการดีบักกันต่อในบท +ตอนนี้เราได้เห็นข้อผิดพลาดแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เพียงพอต่อการเริ่มต้น ในบทต่อไปเราจะกลับมาใช้เครื่องมือนักพัฒนากันอีกครั้งและพูดถึงการดีบักขั้นสูงกว่านี้ในบทเรียน ต่อไป -## Firefox, Edge, และเบราเซอร์ตัวอื่นๆ -```smart header="ป้อนคำสั่งหลายบรรทัด" -เมื่อเราพิมพ์โค้ดจาวาสคริปต์ลงไปในหน้าคอนโซล เมื่อกด `key:Enter` โค้ดชุดนั้นก็จะทำงาน +```smart header="การพิมพ์หลายบรรทัด" +โดยปกติเมื่อเราพิมพ์โค้ดลงในคอนโซล แล้วกดปุ่ม `key:Enter` โค้ดนั้นจะถูกรันทันที -เมื่อจะป้อนโค้ดหลายบรรทัด, ให้กดปุ่ม `key:Shift+Enter` จะช่วยให้เราสามารถพิมพ์โค้ดหลายบรรทัดได้ +หากต้องการแทรกหลายบรรทัด สามารถกดปุ่ม `key:Shift+Enter` เพื่อใส่บรรทัดใหม่ได้ นั่นเป็นวิธีที่จะช่วยให้สามารถใส่โค้ด JavaScript ได้ยาวๆ ได้อย่างสะดวก และสามารถเลื่อนไปแก้ไขบรรทัดอื่นได้ ``` -นักพัฒนาส่วนใหญ่ใช้ `F12` เพื่อเปิดหน้า console +## Firefox, Edge และเบราว์เซอร์อื่น ๆ -developer tools มักจะคล้ายๆกันไม่ว่าจะต่างเวอร์ชั่น ต่างเบราเซอร์ หากเชี่ยวชาญเพียงหนึ่ง ก็ใช้ตัวอื่นได้สูสีกัน +เบราว์เซอร์อื่น ๆ ส่วนใหญ่ใช้ปุ่ม `key:F12` เพื่อเปิดเครื่องมือนักพัฒนา แต่ในบางเบราว์เซอร์อาจจะใช้ปุ่ม `key:Ctrl+Shift+I` แทน + +การใช้งานเครื่องมือนักพัฒนาในเบราว์เซอร์ต่าง ๆ มีลักษณะที่คล้ายกันมาก หากเรารู้วิธีการใช้เครื่องมือนักพัฒนาในเบราว์เซอร์หนึ่งแล้ว (เช่น Google Chrome) ก็สามารถสลับไปใช้งานในเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ## Safari -Safari (เบราเซอร์ของผู้ใช้ Mac) ตัวนี้จะมาพร้อมความไม่เหมือนใคร โดยเราต้องไปเปิด "Develop menu" ก่อน +เบราว์เซอร์ Safari บน Mac นั้นมีความแตกต่างไปในเรื่องนี้ โดยเราต้องเปิดใช้เมนู "Develop" ก่อนถึงจะสามารถใช้งานเครื่องมือนักพัฒนาได้ -เปิดหน้า "Preferences" ไปที่ "Advanced" และติ๊ก checkbox ด้านล่าง +เปิดหน้าต่าง Preferences แล้วไปที่แท็บ "Advanced" มีช่องทำเครื่องหมายถูกด้านล่าง: ![safari](safari.png) -ทีนี้กด `Cmd+Opt+C` หน้า console จะปรากฎขึ้น แถมเมนูด้านบน ยังปรากฎแถบ "Develop" เมื่อคลิกก็จะมีคำสั่งหลากหลายให้เลือกใช้ +จากนั้นกดปุ่ม `key:Cmd+Opt+C` เพื่อเปิดหรือปิดคอนโซลได้ โดยเพิ่มเติมว่าจะมีเมนูที่ชื่อ "Develop" ปรากฎขึ้นมาด้านบนของหน้าต่าง Safari ซึ่งเมนูนี้จะปรากฏขึ้นมาหลังจากเราเปิดใช้งานเมนู "Develop" โดยมีคำสั่งและตัวเลือกต่างๆ อีกมากมาย ## สรุป -- Developer tools ช่วยให้เห็น error, สั่งโค้ดทำงาน, ตรวจค่าตัวแปร และอื่นๆ -- เปิดโดยกด `F12` สำหรับเบราเซอร์ส่วนใหญ่บน Windows แต่ Chrome บน Mac จะใช้ `Cmd+Opt+J` Safari จะเป็น `Cmd+Opt+C` อย่าลืมไปเปิดโหมดนักพัฒนาบน Safari ก่อน +- เครื่องมือนักพัฒนาช่วยให้เราสามารถเห็นข้อผิดพลาด รันคำสั่ง ตรวจสอบตัวแปร และอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย +- เราสามารถเปิดเครื่องมือนักพัฒนาโดยใช้ปุ่ม `key:F12` บนเบราว์เซอร์ในระบบปฏิบัติการ Windows สำหรับ Chrome บน Mac ต้องใช้ปุ่ม `key:Cmd+Opt+J` สำหรับ Safari ต้องเปิดใช้งานก่อน และใช้ปุ่ม `key:Cmd+Opt+C` -ทีนี้ปูพื้นเรื่อง environment กันมาสักพักแล้ว ก็พร้อมที่จาวาสคริปต์ออกโรง +ตอนนี้เราได้เตรียมสภาพแวดล้อมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ในส่วนต่อไปเราจะเริ่มต้นเขียน JavaScript กัน